1) เพื่อกำหนดทิศทาง หลักการ และรายละเอียดของข้อกำหนดในการบริหารจัดการและการกำกับดูแลการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยสอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับ กรอบมาตรฐาน มาตรฐาน และข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
2) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้พนักงานปฏิบัติตามนโยบาย มาตรฐาน ขั้นตอนการปฎิบัติงาน คำแนะนำ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
3) เพื่อให้พนักงานและผู้ที่ต้องใช้หรือเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท ให้สามารถใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
4) เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศของบริษัท โดนบุกรุก ขโมย ทำลาย แทรกแซงการทำงาน หรือโจรกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
5) เอกสารฉบับนี้มีผลบังคับทันทีตั้งแต่วันที่ประกาศใช้
เอกสารฉบับนี้ครอบคลุมการป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัท ทั้งที่อยู่ภายในหรือภายนอกสถานที่ปฏิบัติงานของบริษัท รวมทั้งคลาวด์ที่บริษัทจัดหา ซึ่งครอบคลุมถึง
1) พนักงานและหน่วยงานทั้งหมดของบริษัท
2) บุคคลภายนอกบริษัทที่ได้รับสิทธิเข้าถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศของบริษัท
หลักการปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยนี้ มีหลักการเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- ความลับ (Confidentiality) – การปกป้องความลับของข้อมูล โดยป้องกันการเข้าถึงและการเปิดเผยข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท
- ความสมบูรณ์ (Integrity) – การทำให้มั่นใจว่าข้อมูลของบริษัท ต้องไม่มีการแก้ไข ดัดแปลง หรือโดนทำลายโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ความพร้อมใช้งาน (Availability) – การทำให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยอย่างได้ผล จำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกันและได้รับความเอาใจใส่อย่างจริงจังในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง อันประกอบไปด้วย
- การรักษาความปลอดภัยถือว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานและบุคคลภายนอกทุกคน
- การบริหาร และการปฏิบัติในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นกระบวนการที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
- การมีจิตสำนึก รู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ และใส่ใจที่จะกระทำตามข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้ในนโยบาย มาตรฐาน ขั้นตอนการปฎิบัติงาน คำแนะนำ และกระบวนการต่างๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการรักษาความมั่นคงปลอดภัย การอธิบายให้พนักงานและบุคคลภายนอกทราบอย่างชัดเจนเพื่อให้มีความเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยที่ตนเองรับผิดชอบเป็นสิ่งที่จะทำให้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยดำเนินไปอย่างมีประสิทธิผล
1) “บริษัท (Company)” หมายถึง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัทในสายธุรกิจ
2) “พนักงาน (Employee)” หมายถึง พนักงานที่ได้รับการว่าจ้างให้ทำงานเป็นพนักงานทดลองงาน พนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างพิเศษ และผู้บริหารทุกระดับที่อยู่ภายใต้การจ้างงานของบริษัท
3) “ผู้ใช้งาน (User)” หมายถึง พนักงานของบริษัท รวมไปถึงบุคคลภายนอกบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้มีรหัสเข้าใช้งานในบัญชีรายชื่อผู้สามารถเข้าใช้งาน หรือ/และ มีรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานอุปกรณ์ประมวลผลสารสนเทศของบริษัท
4) “ผู้บังคับบัญชา” หมายถึง พนักงานซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานภายในตามโครงสร้างองค์กรของบริษัท
5) “ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System)” หมายถึง เครื่องมือ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกชนิดทั้ง Hardware และ Software ทุกขนาด อุปกรณ์เครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลทั้งชนิดมีสายและไร้สาย วัสดุอุปกรณ์การเก็บรักษา และการถ่ายโอนข้อมูลชนิดต่างๆ ระบบ Internet และระบบ Intranet รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า และสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ ที่สามารถทำงาน หรือใช้งานได้ในลักษณะเช่นเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกับคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท ของบริษัทคู่ค้า และบริษัทอื่นที่อยู่ระหว่างการติดตั้ง และยังไม่ได้ส่งมอบ หรือของพนักงานที่นำเข้ามาติดตั้ง หรือใช้งานภายในสถานประกอบการของบริษัท
6) “ข้อมูลสารสนเทศ (Information Technology)” หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร บันทึก ประวัติ ข้อความในเอกสาร โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์รูปภาพ เสียง เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเก็บไว้ในรูปแบบที่สามารถสื่อความหมายให้บุคคลสามารถเข้าใจได้โดยตรง หรือผ่านเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ใดๆ
7) “ข้อมูลสำคัญ” หรือ “ข้อมูลที่เป็นความลับ (Sensitive Information)” หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท หรือที่บริษัท มีพันธะผูกพันตามข้อกำหนดของกฎหมาย จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ หรือสัญญาซึ่งบริษัท ไม่อาจนำ ไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น หรือนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ หรือข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้การดำเนินธุรกิจของบริษัท ต้องหยุดชะงัก ขาดประสิทธิภาพ หรือบริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง
8) “ระบบที่มีความสำคัญ (Important System)” หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ที่บริษัทใช้ประโยชน์ เพื่อให้บริการทางธุรกิจทั้งระบบที่ก่อให้เกิดรายได้โดยตรง และระบบที่สนับสนุนให้เกิดรายได้ รวมถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดที่ช่วยในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ให้เป็นปกติ และระบบที่ได้รับการกำหนดโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยข้อมูล และระบบสารสนเทศของบริษัท ทั้งนี้หากระบบที่มีความสำคัญดังกล่าวหยุดการทำงาน หรือมีความสามารถในการทำงานที่ลดถอยลงจะทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องหยุดชะงัก หรือด้อยประสิทธิภาพ
9) “Remote Access” หมายถึง การเชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายของบริษัท (ผ่านช่องทางการสื่อสารภายในบริษัท) หรือ จากภายนอกบริษัท (ผ่าน Internet)
10) “เจ้าของระบบ (System Owner)” หมายถึง หน่วยงานภายในซึ่งเป็นเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์ และมีความรับผิดชอบในระบบคอมพิวเตอร์นั้นๆ
11) “ผู้อารักขา (Custodian)” หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลสารสนเทศในการสนับสนุนงานการดูแล จัดการ และควบคุมการเข้าใช้ข้อมูลสารสนเทศให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือระดับสิทธิที่เจ้าของระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลสารสนเทศกำหนด
12) “ผู้ดูแลระบบ (Administrator)” หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลใช้งาน และบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ทั้งอุปกรณ์ Hardware Software และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ประกอบกันขึ้นเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ดูแลระบบจะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอำนาจในการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม แก้ไข ปรับปรุงให้ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท ทำงานได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและมีความปลอดภัย
13) “การรักษาความมั่นคงปลอดภัย” หรือ “ความมั่นคงปลอดภัย (Security)” หมายถึง กระบวนการ และการกระทำใดๆ เช่น การป้องกัน การเข้มงวดกวดขัน การระมัดระวัง การเอาใจใส่ในการใช้งาน และการดูแลรักษาระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลสารสนเทศที่เป็นระบบและข้อมูลสำคัญ ให้พ้นจากความพยายามใดๆ ทั้งจากพนักงานภายใน และจากบุคคลภายนอก ในการเข้าถึง เพื่อโจรกรรมทำลาย หรือแทรกแซงการทำงาน จนเป็นเหตุให้การดำเนินธุรกิจของบริษัท ได้รับความเสียหาย
14) “บุคคลภายนอก (Third Party)” หมายถึง บุคลากรหรือหน่วยงานภายนอกที่ดำเนินธุรกิจหรือให้บริการที่อาจได้รับสิทธิเข้าถึงสารสนเทศ และอุปกรณ์ประมวลผลสารสนเทศของบริษัทฯ เช่น
- บริษัทคู่ค้า (Business Partner)
- ผู้รับจ้างปฏิบัติงานให้กับบริษัทฯ (Outsource)
- ผู้รับจ้างพัฒนาระบบหรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ (Supplier)
- ผู้ให้บริการต่างๆ (Service Provider)
- ที่ปรึกษา (Consultant)
- นักศึกษาฝึกงาน (Intern)
1) ชี้แจงให้พนักงานทราบถึงนโยบาย มาตรฐาน ขั้นตอนการปฎิบัติงาน วิธีการปฏิบัติ คำแนะนำ และกระบวนการต่างๆ ของบริษัทที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
2) ดูแล แนะนำ และตักเตือน กรณีที่พบเห็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม
3) พิจารณาลงโทษทางวินัยแก่ผู้กระทำผิดอย่างเสมอภาค และเป็นธรรม
1) ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามนโยบาย มาตรฐาน ขั้นตอนการปฎิบัติงาน วิธีการปฏิบัติ คำแนะนำ และกระบวนการต่างๆ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยเคร่งครัด
2) ให้ความร่วมมือกับบริษัทอย่างเต็มที่ในการป้องกันระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศของบริษัท
3) แจ้งให้บริษัททราบทันที เมื่อพบเห็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม หรือพบเห็นการบุกรุก โจรกรรม ทำลาย แทรกแซงการทำงาน หรือจารกรรมที่อาจสร้างความเสียหายต่อบริษัท
4) ต้องเก็บรักษารหัสผ่าน (Password) และรหัสอื่นใดที่บริษัทกำหนด เพื่อใช้ในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของบริษัทเป็นความลับส่วนตัว ซึ่งจะต้องเก็บรักษาไว้มิให้ผู้อื่นล่วงรู้ และห้ามใช้ร่วมกันกับบุคคลอื่น ทั้งนี้พนักงานและบุคคลภายนอกต้องเปลี่ยนรหัสผ่านและรหัสอื่นใด เมื่อรหัสเก่าหมดอายุตามระยะเวลาที่กำหนดหรือเมื่อพนักงานเห็นสมควรต้องทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยตั้งรหัสผ่าน และรหัสอื่นใด ด้วยความรอบคอบ ห้ามตั้งรหัสซํ้ากับรหัสเก่า ห้ามตั้งรหัสที่ผู้อื่นสามารถคาดเดาได้ง่าย หรือห้ามตั้งรหัสซํ้ากันในทุกระบบที่พนักงานมีสิทธิใช้งาน ทั้งนี้มาตรฐานการตั้งรหัสผ่านอย่างปลอดภัย อ้างอิงตามเอกสาร IT Security Standard
1) ต้องออกจากระบบ (Log-out, Log-off) ทุกระบบเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน และปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นทันทีหลังเลิกงาน
2) ต้องล็อคหน้าจอ (Lock Screen) แบบกำหนดรหัสผ่าน (Password) หากไม่ใช้งานหรือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อป้องกันมิให้บุคคลอื่นลักลอบเข้าไปใช้งาน
3) ต้องตรวจสอบข้อมูลที่นำมาลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองทุกครั้ง โดยใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-virus) ที่มีข้อมูลไวรัสที่ทันสมัย
4) ต้องเก็บรักษารหัสผ่าน (Password) และรหัสอื่นใดที่บริษัทกำหนด เพื่อใช้ในการเข้าถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทเป็นความลับส่วนตัว ซึ่งจะต้องเก็บรักษาไว้มิให้ผู้อื่นล่วงรู้ และห้ามใช้ร่วมกันกับบุคคลอื่น ทั้งนี้พนักงานและบุคคลภายนอกต้องเปลี่ยนรหัสผ่านและรหัสอื่นใด เมื่อรหัสเก่าหมดอายุตามระยะเวลาที่กำหนดหรือเมื่อพนักงานเห็นสมควรต้องทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยตั้งรหัสผ่าน และรหัสอื่นใด ด้วยความรอบคอบ ห้ามตั้งรหัสซํ้ากับรหัสเก่า ห้ามตั้งรหัสที่ผู้อื่นสามารถคาดเดาได้ง่าย หรือห้ามตั้งรหัสซํ้ากันในทุกระบบที่พนักงานมีสิทธิใช้งาน ทั้งนี้มาตรฐานการตั้งรหัสผ่านอย่างปลอดภัย อ้างอิงตามเอกสาร IT Security Standard
วัตถุประสงค์: เพื่อแสดงถึงการยอมรับความเสี่ยงและลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยบริษัทใช้วิธีการที่สอดคล้องกันในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความั่นคงปลอดภัย (Security Risk Management) รวมถึงมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการในการระบุและประเมินความเสี่ยง (Risk Identificaion and Assessment)
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อให้มีมาตรการในการปกป้องทรัพย์สินของบริษัทอย่างเหมาะสม
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อให้พนักงานเข้าใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง รวมถึงตระหนักถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
รายละเอียด
วัตถุประสงค์:
1. เพื่อให้บุคคลภายนอกที่ทำสัญญากับบริษัทเข้าใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง รวมถึงตระหนักถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
2. เพื่อให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงในการถูกละเมิดด้านความปลอดภัยไซเบอร์และความปลอดภัยของข้อมูล
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อป้องกันการเข้าถึงสถานที่และอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายและการแทรกแซงการทำงานต่อระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท
รายละเอียด
วัตถุประสงค์:
1. เพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการดำเนินงานบนระบบคอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัย
2. เพื่อดำเนินการ (Implement) และรักษา (Maintain) ระดับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างเหมาะสม
3. เพื่อลดความเสี่ยงจากการล้มเหลวของระบบคอมพิวเตอร์
4. เพื่อปกป้องและรักษาความถูกต้องของข้อมูล ซอฟต์แวร์ และระบบคอมพิวเตอร์ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน
5. เพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปกป้องข้อมูลในเครือข่าย รวมถึงการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนอื่นๆ
6. เพื่อป้องกันการเปิดเผย การแก้ไข การลบ หรือการทำลายทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการหยุดชะงักของกิจกรรมทางธุรกิจ
7. เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่มีการรับส่งภายในบริษัทและบุคคลภายนอก
8. เพื่อเฝ้าระวังการประมวลผลข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาต และป้องกันการเข้าถึงระบบและบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อให้การจัดหา การพัฒนา และการบำรุงรักษาระบบ คำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยเป็นองค์ประกอบสำคัญ
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และทำให้มั่นใจว่าเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงจุดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับระบบได้รับการสื่อสารและสามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันเวลา
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อป้องกันกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญ จากผลกระทบของความล้มเหลวที่สำคัญของระบบคอมพิวเตอร์หรือจากภัยพิบัติ
รายละเอียด
วัตถุประสงค์: เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแล และหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อผูกพันในกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับหรือสัญญาจ้างที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้และที่จะได้ออกใช้บังคับต่อไปในภายหน้า
รายละเอียด
วันที่มีผล: ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป