ตั้งแต่ช่วงหลัง COVID-19 ทำให้ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากพอสมควร เพราะเริ่มตั้งแต่ตื่นนอนจนหมดวัน เราก็ล้วนพึ่งพาเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าความต้องการและความสะดวกในการใช้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จำนวนมาก จึงเป็นผลทำให้หลาย ๆ องค์กร หรือธุรกิจ SMEs จำเป็นจะต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลให้มากที่สุด โดยเฉพาะกับเทรนด์การทำ Digital Transformation ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้

 ดังนั้น องค์กรและธุรกิจ SMEs ที่ต้องการผู้ช่วยในการพาตัวเองเข้าสู่เทรนด์การทำ Digital Transformation ที่ครบวงจร วันนี้ AIS Business หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ AIS ซึ่งดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กร พร้อมส่งมอบบริการดิจิทัลและไอซีทีโซลูชัน ที่สร้างความปลอดภัย มั่นใจ ตอบโจทย์การเติบโตของลูกค้าอย่างยั่งยืนไว้สำหรับทุกคนแล้ว

 โดยในปี 2023 AIS Business ยังคงเดินหน้าด้วยคอนเซปต์สร้างการ “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” กับลูกค้า ทั้งภาคธุรกิจ และ ผู้ประกอบการ SMEs ในการให้บริการที่ครอบคลุม เน้นการเป็น ECOSYSTEM ที่มีพาร์ทเนอร์ชั้นนำมาช่วยดูแลลูกค้า

 และล่าสุดได้รับการการันตีมาตรฐานจากพาร์เนอร์มากมาย อาทิ การเป็น VMware Sovereign Cloud Certified เป็นรายแรกในประเทศไทย รางวัล 2022 Microsoft Thailand Partner of The Year, 2022 Fortinet MSSP Partner of The Year เป็นต้น จึงทำให้ทาง AIS Business มีความพร้อมที่จะช่วยองค์กรธุรกิจให้สามารถทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันด้วยต้นทุนที่เหมาะสม เดินไปข้างหน้าเป็นเพื่อนร่วมทางที่คอยรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาชี้แนะ อีกทั้งยังมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

 ตอกย้ำเรื่องความพร้อมของ Digital Business Ecosystem ที่ถูกพัฒนาให้ความสมบูรณ์แบบ สามารถตอบโจทย์การทำงานทุกองค์กร ผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. เชื่อมต่อ 5G Ecosystem เพื่อการทำงานของภาคธุรกิจอย่างรอบด้าน 2. ยกระดับการทำงานของโครงข่ายด้วย Intelligent Network  3. มุ่งเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม  4. เสริมอาวุธด้านการตลาดและเพิ่มโอกาสการเติบโต Data-driven Business  5. ส่งมอบบริการด้วยทีมงานมืออาชีพที่ไว้วางใจได้

ทั้งนี้ ทาง AIS Business ก็ได้เข้าไปร่วมทำงานกับลูกค้าองค์กรรายใหญ่มากมาย ที่มีความต้องการแตกต่างกันไป ดังนี้

 เริ่มจากองค์กรขนาดใหญ่อย่าง Easy Buy, Sahaviriya Steel Industries (SSI) ก็ไว้วางใจให้ทาง AIS Business ช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่ทันสมัยให้กับองค์กร ด้วย 5G-FWA และ SD-WAN ที่เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งจัดการระบบการทำงานแบบศูนย์รวมสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งองค์กรแบบไม่มีสะดุด และมีคลาวด์ที่เชื่อถือได้ และสามารถเชื่อมต่อควบคุมผ่านแอปพลิเคชันได้

ต่อด้วยธุรกิจใหญ่อย่าง SCG ที่ให้ทาง AIS Business นำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาระบบขนส่งแบบไร้คนขับ ใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีวางแผนการเดินทางอย่างแม่นยำให้แม่นยำมากขึ้น สามารถควบคุมการปล่อย CO2 ของรถบรรทุกได้มากกว่า 35% ต่อปี พร้อมทั้ง AIS มี Smart Solution 50 ที่ช่วยซัพพอร์ต SCG ทำให้สามารถควบคุมการผลิตได้อย่างสมบูรณ์แบบและตอบโจทย์กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น

โดยความไว้วางใจเหล่านี้ก็นำทางให้ AIS Business มีแผนที่จะก้าวไปสู่อนาคตด้วย 3 มิติต่าง ๆ ดังนี้

1. Growth : Accelerating Growth Beyond Pandemic Recovery เร่งการเติบโตของธุรกิจด้วยการสร้างขีดความสามารถใหม่ ๆ จากเครื่องมือทางดิจิทัล พร้อมทั้งเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจด้วยศักยภาพของ AIS 5G และ Cloud Platform, ตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าด้วยการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ Data Insight & Lifestyle as a Service, สร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ เฉพาะอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City & Building และ Smart Retail
2. Trust : Modernizing Trusted Digital Infrastructure to Improve Efficiency, Agility and Security ทางบริษัทตั้งใจจะเปิดบริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบของ Intelligent Network, Cloud Platforms และ Cyber Security สอดรับกับกฎระเบียบของการใช้งานที่ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละอุตสาหกรรม ผ่านโซลูชัน อย่างเช่น Sovereign Cloud, SD-WAN, Secured Connectivity ที่เข้ามาตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ความยืดหยุ่น ช่วยยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลและระบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยขององค์กร
3. Sustainability : Creating Sustainable Business with Digital Solutions สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อธุรกิจอย่างยั่งยืน AIS Business พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมนวัตกรรมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะเทรนด์ธุรกิจยั่งยืนเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้า ทำให้ทาง AIS Business ได้สร้าง AIS 5G NEXTGen Platform เพื่อความต้องการที่จะสร้าง 5G โซลูชันได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงโซลูชันที่เข้ามาช่วยในการบริการจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งยิ่งเราใช้เทคโนโลยีมากเท่าไหร่ก็จะช่วยลดคาร์บอนได้มากขึ้นเท่านั้น การปล่อยน้ำเสียโดยใช้ข้อมูลแบบ real-time จากอุปกรณ์ IoT ทำให้พร้อมคาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจวางแผนการทำงาน หรือการผลิตได้อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่าง e-Waste, Academy for Thai และอุ่นใจไซเบอร์

 ซึ่งสำหรับ Sustainable Ecosystem and Partnership ที่ทาง Ais Business มีให้กลุ่มลูกค้าได้ใช้บริการกับผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะ อาทิ Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City, Property & Building, Smart Retail, Smart Financial & Banking, Smart Government, Smart SME หรือแม้แต่ดิจิทัลเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อองค์กรและธุรกิจก็มีอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 5G, Business Network, IoT, Cloud and Data Center, Cyber Security, Data Analytics, Digital Marketing

 AIS Business มีพาร์ทเนอร์ที่มาคอยร่วมทางไปพร้อมกันกว่า 200 ราย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำ องค์กรภาครัฐ และธุรกิจขนาดใหญ่ หรือแม้แต่กับภาคธุรกิจ SMEs ซึ่งทาง AIS Business จะมีส่วนช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถเร่งการเติบโตก้าวข้ามทุกช่วงเวลาไปได้อย่างรวดเร็วและเติบโตอย่างยั่งยืน เช่น การดูแลองค์กร หรือธุรกิจ SMEs ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ให้เข้าสู่ดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ให้ข้ามผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 ได้

 ซึ่งเป้าหมายใหญ่ของ AIS คือต้องการเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ในภาคส่วนนี้การเร่งขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้า ก็จะสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้ยั่งยืน และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  ดั่งที่นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS ได้กล่าวไว้ว่า “เรามุ่งหวังที่จะเป็นพันธมิตรสมาร์ทดิจิทัลที่ไว้วางใจได้ สนับสนุนองค์กรธุรกิจและ SMEs ไทยให้ ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ อย่างยั่งยืน

วันที่เผยแพร่ 24 เมษายน 2566