Cloud นั้นได้กลายเป็นหนึ่งในระบบ IT Infrastructure หลักของธุรกิจองค์กรต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีแล้ว และแน่นอนว่าวงการ Cloud เองก็มีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของเทคโนโลยี, การบริการเชิงเทคนิค และรูปแบบในการให้บริการ Cloud
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสำคัญมากในระยะหลังนี้ ก็คือประเด็นด้านความมั่นคง จากการที่ Data Center ของผู้ให้บริการ Cloud นั้นมักกระจายอยู่ทั่วโลกในประเทศต่างๆ ในขณะที่ธุรกิจองค์กรที่ใช้งานนั้นก็อาจอยู่ในประเทศที่ไม่ได้มี Cloud Data Center ของผู้ให้บริการรายนั้นๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งในหลายประการ
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Sovereign Cloud ซึ่งเป็นแนวคิดของบริการ Cloud ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความมั่นคงโดยเฉพาะ
Cloud กับความท้าทายในแง่ความปลอดภัยของข้อมูล
ประเด็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับการใช้บริการ Cloud จากผู้ให้บริการ Cloud ในระดับโลกนั้น ก็มักจะหนีไม่พ้นประเด็นของความมั่นคง เพราะจากการที่ผู้ใช้บริการ Cloud ต้องนำระบบ Application และข้อมูลสำคัญของตนเองไปฝากอยู่บนระบบ Cloud ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศนั้น ก็ทำให้ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่น่าจับตามองหลายครั้ง เช่น
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั้นก็คือกรณีสงครามที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการ Cloud บางรายต้องทำการระงับการให้บริการ Cloud ให้แก่ธุรกิจในประเทศที่เกี่ยวข้องในสงคราม ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศเหล่านั้น
นอกจากนี้ ก็ยังมีกรณีของหน่วยงานภาครัฐเองที่ไม่สามารถใช้งานบริการ Cloud ในต่างประเทศได้อย่างเต็มที่นัก เนื่องจากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐนั้นมักเต็มไปด้วยข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูง
ประเด็นด้านความมั่นคงกับการใช้งาน Cloud นี้ถือเป็นเทรนด์ใหญ่เทรนด์หนึ่งทั่วโลกที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว จากการที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 75% นั้นเริ่มมีข้อกฎหมายด้านข้อมูลของตนเอง[1] และทำให้เกิดแนวคิดของ Sovereign Cloud ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ
( รูปภาพจาก VMware)
Sovereign Cloud: บริการ Cloud ภายในประเทศ เพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล
Sovereign Cloud คือบริการ Cloud ที่มีความมั่นคงและเสถียรภาพสูงสำหรับประเทศหนึ่งๆ หรือภูมิภาคหนึ่งๆ และอยู่ภายใต้ขอบเขตข้อบังคับทางกฎหมายของประเทศหรือภูมิภาคนั้นๆ โดยตรง [2] โดย Sovereign Cloud จะต้องมีคุณสมบัติขั้นต้นดังต่อไปนี้
ถึงแม้หลายประเทศจะเริ่มนำแนวคิดของ Sovereign Cloud ไปใช้ แต่ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบางส่วนตามความเหมาะสมในการให้บริการ Sovereign Cloud เช่น อาจมีการเปิดให้มีการเข้าถึงทรัพยากรของ Sovereign Cloud จากภายนอกประเทศได้ในบางส่วน เพื่อภาคธุรกิจหรือหน่วยงานต่างๆ สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น หรือการเพิ่มการรองรับข้อกฎหมายของประเทศพันธมิตรเพื่อเปิดให้การใช้งานมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
การที่ประเทศหนึ่งมี Sovereign Cloud ของตนเองนั้น จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (CII) ใช้งาน Cloud กันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการให้บริการ Digital Service ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูง สามารถใช้บริการ Cloud หรือพัฒนาบริการ Cloud ของตนเองได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในแง่ของกฎหมาย Sovereign Cloud จะกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ทดลองก่อนการบังคับใช้กฎหมายหรือข้อบังคับใหม่ๆ ด้านข้อมูลหรือการให้บริการเทคโนโลยีได้ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว
( รูปภาพจาก VMware)
โอกาสของธุรกิจไทยที่มาพร้อมกับ Sovereign Cloud
สำหรับธุรกิจไทยนั้น การคว้าโอกาสใหม่ๆ จาก Sovereign Cloud นั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 แง่มุม คือแง่มุมของผู้ให้บริการ Cloud และเทคโนโลยี กับแง่มุมของผู้ใช้บริการ Cloud
โอกาสของ Sovereign Cloud สำหรับผู้ให้บริการ Cloud และเทคโนโลยี
ในแง่ของผู้ให้บริการ Cloud นั้น การปรับตัวสู่การให้บริการ Sovereign Cloud ได้จะช่วยให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ๆ ขึ้นภายในประเทศไทย ที่สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจองค์กรในกลุ่มใหม่ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังไม่พร้อมจะใช้บริการ Public Cloud ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโอกาสใหม่ๆ ที่ผู้ให้บริการ Cloud จะสามารถคว้าเอาไว้ได้ มีดังนี้
โอกาสของ Sovereign Cloud สำหรับผู้ใช้บริการ Cloud
ในแง่ของธุรกิจองค์กรไทย การมาของ Sovereign Cloud จะช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถจัดการกับข้อมูลบน Cloud ได้อย่างมั่นใจว่าจะถูกต้องตามข้อบังคับทางกฎหมายหรือมาตรฐานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของธุรกิจที่มีข้อมูลปริมาณมหาศาล และเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูง ไม่วาจะเป็นสถาบันการเงิน, ธนาคาร, ธุรกิจประกัน, ธุรกิจสาธารณสุข, หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมักต้องมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในประเทศไทย หรือแม้แต่ภาคโรงงานและการผลิตที่ต้องมีการจัดการกับทรัพย์สินทางปัญญาก็ตาม ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
AIS Cloud X: บริการ นิเวศคลาวด์อัจฉริยะ ที่ผนวกด้วยบริการ Sovereign Cloud ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
AIS นั้นได้ทำการเปิดตัวบริการ AIS Cloud X ในฐานะของ Sovereign Cloud สำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรและหน่วยงานภาครัฐไทยโดยเฉพาะ ที่นอกเหนือจากการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลเอาไว้ภายในประเทศไทยทั้งหมดแล้ว ก็ยังมีการผสานความสามารถระหว่าง Cloud, Edge Computing และ 5G รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้การใช้งาน Cloud ของธุรกิจองค์กรไทยนั้น สามารถก้าวสู่ภาพของ Intelligent Cloud ที่มีทั้งความชาญฉลาด, ความยืดหยุ่น, การรองรับการใช้งานได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีทั้งความปลอดภัยของข้อมูลในหนึ่งเดียว
สนใจใช้งาน Sovereign Cloud และบริการ Cloud ครบวงจรติดต่อทีมงาน AIS Business ได้ทันที
วันที่เผยแพร่ 1 ธันวาคม 2565
Reference
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : business@ais.co.th
Website : https://www.ais.th/business
สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที