เจาะลึกโซลูชันเชิงเทคนิคภายใน Cloud X ได้แก่ VMware Tanzu, MS Azure Arc, Veeam Data Protection, Blendata B-Log ว่าตอบโจทย์การทำงานอย่างไรได้บ้าง

“พันธกิจหลักของ AIS Cloud X คือ ต้องการทำให้การเข้าถึงระบบคลาวด์รวดเร็วขึ้น มีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น และช่วยให้มีการลงทุนอย่างคุ้มค่ามากที่สุด”

AIS Cloud X Intelligent Cloud Ecosystem พร้อมให้ใช้งานที่หลากหลาย ผสานการทำงานทั้ง EDGE และ Cloud ตอบรับการพัฒนา Application เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานบนระบบ Cloud ให้กับองค์กร โลกได้เปลี่ยนเร็วมาก และอยู่บนความไม่แน่นอน Application และ Business ต่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ทาง AIS Business ได้เล็งเห็นถึงนวัตกรรมของระบบ Cloud ที่จะเข้ามาเป็นเครื่องที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนความต่อเนื่องของธุรกิจแบบยั่งยืน ซึ่งระบบ Cloud จะยังคงให้บริการในรูปแบบเดิมไม่ได้อีก นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการระดมทีมพัฒนาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นจากเหล่าพันธมิตรเข้ามาผสานรวมกันจนเกิดบริการ AIS Cloud X ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

AIS’s Partnership Journey

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริการของ AIS Cloud X การส่งมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์แก่องค์กรที่หลากหลาย ตลอดเส้นทางการเดินทางของ AIS Business ได้ผสานความร่วมมือจากพันธมิตรที่ได้รับการยอมรับระดับโลกในด้านเทคโนโลยี Cloud Computing ซึ่งก้าวของความสำเร็จเหล่านี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อ:   

ปี 2016 : AIS เปิดตัวบริการ AIS Business Cloud บริการคลาวด์เพื่อธุรกิจ โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง VMware, Microsoft

ปี 2017 : ยกระดับความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับ Microsoft เปิดตัว โครงข่ายสำหรับประเทศไทย เพื่อบริการคลาวด์ไมโครซอฟท์ที่เสถียรและปลอดภัยระดับโลก มอบประสบการณ์การใช้งานบนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

ปี 2018 : หลังจากที่ AIS ได้ร่วมมือกับ VMware เพื่อสร้าง Local Cloud ขึ้นมาแล้วนั่น ยังขยายขีดความสามารถเพิ่มเติมด้วยการผสานรวมเข้ากับ CS LOXINFO บริษัทที่มีประสบการโดยตรงเกี่ยวกับการทำระบบ Cloud Computing มากกว่า 10 ปี นอกจากนี้ยังมี Data Center และศูนย์บริการด้าน Call Center ที่มีความน่าเชื่อถือ

ปี 2019 : AIS ได้จับมือกับ Veeam โดยการทำ disaster recovery ซึ่งเป็นอีกบริการของทาง AIS ไม่ว่าจะเป็น Cloud-to-Cloud (C2C) หรือ On-Prem-to-Cloud 

ปี 2020 : AIS เปิดบริการ AIS ExpressRoute เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายตรงไปยัง Microsoft Azure ได้ด้วยความเร็วสูง และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่คุ้มค่ายิ่งกว่าวิธีการอื่นๆ ซึ่งในปีเดียวกัน AIS ยังได้ยกระดับขึ้นไปเป็นผู้ให้บริการ #1 VMware Cloud in Thailand 

ปี 2021 : AIS เป็น Strategic Partnership กับ Microsoft เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในระดับความเชี่ยวชาญขั้นสูงให้กับเทคโนโลยีต่างๆ ใน Cloud Ecosystem 

ปี 2022 : ในปี 2022 ได้เป็น Microsoft Thailand Partner of the Year 2022, VMware Thailand Cloud Provider of the Year 2022, VMware LAUNCH PARTNER for Sovereign Cloud (First Sovereign Cloud Partner in Thailand and SEAK 2022) และ Veeam The Best Partner of the year Cloud Service Provider

AIS Cloud X ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับการบริหารจัดการคลาวด์ในระดับองค์กร รองรับการใช้งานได้หลายมิติแบบไร้รอยต่อ (Flexible Cloud Deployment) ผสานการทำงานร่วมกับการ 5G, Edge Computing, Multi-Cloud พร้อมแพลตฟอร์ม Cloud-Native ที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน ภายใต้แนวคิดการเขียนโค้ดอย่างรวดเร็วตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย (DevSecOps) และคอนเทนเนอร์ (Container) พร้อมบริการที่ช่วยจัดการข้อมูล ทั้งการจัดเก็บการประมวลผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อป้องกันด้านความปลอดภัย และการใช้งานข้อมูลเพื่อธุรกิจ (Data Driven Business) ตลอดจนระบบสำรองกู้คืนข้อมูลที่รองรับระบบคลาวด์แบบกระจายตัว (Hybrid Cloud Environment) รวมถึงการทำงานร่วมกับ VMware ในการเป็นพาร์ทเนอร์ระดับผู้ให้บริการ Sovereign Cloud รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลภายในประเทศ

VMware Tanzu Solutions บน AIS Cloud X

VMware Tanzu ช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือใหม่ๆ จากการให้บริการแบบเนทีฟคลาวด์ที่คล่องตัวแบบกำหนดเองและปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยและปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนแปลงความต้องการทางธุรกิจของลูกค้า และมีความปลอดภัยสูง สนับสนุนขีดความสามารถอย่างยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ Multi-Cloud ช่วยให้มีการปรับใช้งานจากโค้ดสู่ Production ได้อย่างรวดเร็วแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปสู่ตลาด (Go to Market) เพื่อการบริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

“ปณิธานหลักของ VMware คือ การนำเสนอระบบงานระดับองค์กร มีความยืดหยุ่น ปรับขยายได้ง่าย และมีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ VMware ได้สร้างความแข็งแกร่งในมิติที่มีหลากหลายมากขึ้นด้วยการผนึกกำลังร่วมกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เพื่อส่งต่อความยั่งยืนสู่ลูกค้าต่อไป”

ประโยชน์ของโซลูชัน VMware Tanzu บน AIS Cloud X ช่วยอะไรได้บ้าง – VMware เข้ามาช่วยเติมเต็มให้กับ Cloud Infrastructure ระดับองค์กรครบทุกมิติและพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตเพื่อเป็นผู้ช่วยสำคัญที่จะขยายขีดความสามารถให้ระดับองค์กรได้รับประสบการณ์จากเทคโนโลยีที่ทำให้กระบวนการบริการ Modern Lifecycle ได้โดยอัตโนมัติในทุกวัฏจักรของระบบคลาวด์

  • VMware Tanzu สำหรับ Kubernetes Operations – สามารถสร้าง Cluster on Demand เพื่อปรับใช้งาน Workload บนระบบ Cloud ได้ สามารถทำในส่วนของการปรับใช้งานอัตโนมัติแบบ across-cluster และ across-cloud ซึ่งความสามารถนี้มีให้ใช้งานอยู่บน AIS Cloud X เช่นกัน นอกเหนือจากนั้น VMware Tanzu ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Microservice ที่อยู่ระหว่าง Cloud ได้ด้วย
  • VMware Tanzu Application Platform – เป็น Platform as a Service ซึ่งสามารถทำงานอยู่บน Kubernetes ใดๆ ก็ได้ สร้างประสบการณ์การพัฒนาแอปพลิเคชันให้กับ DEV โดยจะไม่ต้องเสียเวลาในการจัดเตรียม infrastructure as code ให้ความสำคัญมุ่งไปที่โค้ดมากกว่าการติดตามเทคโนโลยีต่างๆ เพราะจะมีมาตรฐานที่เปิดให้เชื่อมต่อกับโอเพนซอร์ซ Ecosystem ใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมี API Portal ให้เข้าไปดาวน์โหลดเฟรมเวิร์คมาพัฒนาได้อย่างง่ายดาย และสามารถรันอยู่บน Kubernetes ใดๆ ก็ได้เช่นกัน

ข้อดีของ TKG หรือ Tanzu Kubernetes Grid บน AIS Cloud X

“ช่วยให้สามารถติดตั้งและรันอยู่บนระบบนิเวศใดก็ได้ โดยจะได้รับประสบการณ์มาตรฐานเดียวกัน ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Local Control Plan”

จุดเด่นและข้อดีของบริการ VMware Tanzu เมื่อรันอยู่บน AIS Cloud X:

  • สามารถบริหารจัดการแต่ละ Feature ของ VMware ผ่านทาง Self Service Portal ช่วยลดเวลาและการเข้าถึงในการเข้าถึงแต่ละ Feature
  • สามารถ Config Vmware บน On-Premises ลูกค้าให้เชื่อมกลับมาที่ Cloud X โดยใช้ Portal เดียวกัน
  • กำหนด Resource Template บน VMware เช่น Spec หรือ OS เพื่อเป็น Template ในการหยิบไปใช้งานช่วยให้การ Setup มีความรวดเร็วมากขึ้น
  • กำหนดสิทธิในการเข้าถึง Resource ได้ในแต่ละ Container หรือ Namespace
  • กำหนดโควตาการใช้งานของ Resource ได้ รวมถึงตรวจสอบได้ว่าข้อมูลมีการใช้งานเต็มแล้วหรือยัง
  • สามารถตรวจสอบ, แก้ไข หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการช่องโหว่ได้ด้วยตัวเอง ทั้ง Resource และ Container
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานโดยสามารถขยาย Scale ของ Resource ตอนที่ย้ายขึ้นมาใช้บน Cloud X ได้
  • เช็ค Status การพัฒนา Application ว่ามี Bug, Error รวมถึง Performance ของ Application เป็นอย่างไร
  • บริหารหลายๆ Cluster ได้ในหน้าเดียว Cluster

นอกจากนี้ Container as a Service บน AIS Cloud X ยังมีบริการในส่วนของการจัดเก็บข้อมูลบน Object Storage S3 โดยจุดเด่นและข้อดีของ Object Storage S3 มีดังนี้

  • มีฐานข้อมูลอยู่ในประเทศไทย 
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนข้อมูล
  • 100% Native S3 สามารถเชื่อมต่อด้วย API ที่อยู่ภายใน Data Center ของ AIS Cloud X ได้ โดยที่ทุกการเชื่อมต่อและการประมวลผลต่างๆ จะอยู่ภายใต้การดูแลของทาง AIS Business
  • SLA การันตีที่ 99.99% 
  • AIS Cloud X ได้มอบระบบสำรองข้อมูลมาให้พร้อมใช้งาน

Azure Arc Solutions บน AIS Cloud X

Azure Arc เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยขยายความสามารถในการบริหารจัดการและให้บริการ Azure ในทุกสภาพแวดล้อมได้ทุกที่ นั่นหมายความว่าสามารถปรับใช้ จัดการ และควบคุมทรัพยากรที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ และนำบริการต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล Azure SQL และ Azure PostgreSQL Hyperscale ไปยัง on-premise datacenter, edge location หรือผู้ให้บริการระบบคลาวด์อื่นๆ ในเรื่อง Security บน Azure Arc สามารถทำการ Streamlined Security บน Cloud, AIS Cloud X และบน Data Center ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อความมั่นใจในการนำเวิร์คโหลดไปรันได้อย่างปลอดภัยไม่ว่าที่ใดก็ตาม โดยการทำ Dev/Sec/Ops, Identity Management, Assess and Protect, Intelligent actions และ Global coverage

ครั้งแรกในประเทศไทยกับการให้บริการโซลูชัน Azure Ecosystem โดย AIS เป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวที่พร้อมนำโซลูชัน Azure Arc ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้จากทุกที่ โดยเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถนำบริการต่างๆ ของ Azure จาก Global มาใช้งานได้ทั้งบน On-premise หรือบน AIS Cloud X ซึ่งอยู่ในประเทศไทย (Azure go Local) อีกทั้งยังช่วยให้การบริหารจัดการ Azure ที่อยู่หลากหลายสภาพแวดล้อม (Hybrid Environment) เป็นไปได้อย่างคล่องตัว ยืดหยุ่น ปลอดภัย พร้อมตอบสนองการทำงานของแอปพลิเคชันยุคใหม่ที่หลากหลาย

AIS Cloud X ได้นำทั้ง 4 บริการของ Azure มาปรับใช้บน Local Resource เพื่อบริหารจัดการบน Azure ได้ คือ

  • รองรับบริการ Azure Arc enabled servers เพื่อบริหารจัดการ servers ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นบน Cloud, On-Premise หรือว่า AIS Cloud X
  • รองรับบริการ Azure Arc enables Kubernetes หมายความว่า จะสามารถทำการ Auto-Scale Server ได้
  • รองรับบริการ Azure Arc enables SQL Managed Instance ผู้ใช้งานระดับองค์กรจะสามารถ deploy Managed Instance ของ Azure SQL ที่ดูแลโดย Microsoft ลงไปยังที่ใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็น On-premise, Kubernetes Cluster หรือคลาวด์อื่น
  • รองรับบริการ SQL Server – Azure Arc สามารถรับ SQL Server อยู่บน AIS Cloud X แล้วนำ Azure Arc มาช่วยจัดการให้ได้

ตัวอย่างสถาปัตยกรรมของ SQL Server บน Azure Arc enable servers

Veeam Data Protection บน AIS Cloud X

บริการ AIS Backup on Cloud เลือกใช้เทคโนโลยี Veeam® Availability Suite โซลูชันระดับองค์กรที่นำ Veeam® Backup & Replication™ และ Veeam® ONE™ มาไว้ด้วยกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการสำรองข้อมูลและการกู้ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เสริมประสิทธิภาพให้กับบริการ Enterprise Cloud ให้มีความปลอดภัย และมีความเสถียรระดับสูงสุด

  • Veeam® Backup & Replication™ – การปกป้องข้อมูลแบบ 4-in‑1 สำหรับ RPO ที่ดีที่สุด Veeam มอบความยืดหยุ่นในการปกป้องข้อมูลของคุณใน 4 วิธีที่แตกต่างกันเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด RPO และ RTO ของคุณได้ดีที่สุด ทั้งหมดในผลิตภัณฑ์เดียว เรียบง่าย ยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และทรงพลัง ด้วยการ Backup, Replication, Storage Snapshots และ CDP ทำให้สามารถสร้างความมั่นใจในความยืดหยุ่นของธุรกิจ ไม่มีการสูญเสียของข้อมูลและการหยุดชะงักของการปฏิบัติงาน และการปกป้องข้อมูลขององค์กรจากผู้ไม่หวังดี 
  • Veeam ONE™ – นำเสนอการตรวจสอบและการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับสภาพแวดล้อมไอทีของคุณ เพื่อการมองเห็นและการควบคุมเพื่อจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพ วางแผนและควบคุม ด้วยข้อมูลเชิงลึกสำหรับ Veeam® Backup & Replication™ รวมถึง VMware vSphere และ Microsoft Hyper‑V ทำให้ Veeam ONE™ มอบการตรวจสอบ การรายงาน และระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดและล้ำลึกผ่านเครื่องมือแบบโต้ตอบ ระบุและแก้ไขปัญหาจริงของลูกค้าก่อนที่จะเริ่มต้น 

Veeam สามารถเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลบนระบบคลาวด์ได้ 4 แบบ ที่จะเข้ามาช่วยการทำ Transformation คือ

  1. Backup to Cloud – การสำรองข้อมูลได้มากกว่าแห่งเดียว หรือที่เรียกว่า Off-site Data เพราะหัวใจสำคัญที่สุดขององค์กรคือข้อมูล ดังนั้นเราจึงเป็นที่เก็บข้อมูลสำรองอีกหนึ่งชุดให้แก่คุณ
  2. Migration to Cloud – การย้ายข้อมูลด้วย Cloud Computing ซึ่งในปัจจุบันองค์กร ย้ายระบบจากศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ (ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่) ไปยัง Public Cloud ย้ายระบบจาก Cloud หนึ่งไปยัง Cloud อีกแห่งหนึ่งหรือที่รู้จักกันว่าการโยกย้าย Cloud-to-Cloud ในมุมของ Veeam จะใช้วิธีที่เรียกว่า Direct Restore เพื่อเข้าช่วยจัดการ
  3. Backup on Cloud – Veeam ขยายขีดความสามารถด้วย Veeam Kasten K10 ผสานรวมกับ VMware Tanzu Kubernetes Grid (TKG) เพื่อให้บริการแอปพลิเคชัน สำรองข้อมูลและความคล่องตัว การจัดการข้อมูล K10 สามารถปรับใช้กับ vSphere ได้อย่างราบรื่นทั่วทั้ง TKG และการกระจาย Kubernetes อื่น ๆ K10 มีความเรียบง่ายในการปฏิบัติงานเป็นหลัก ทำให้ Kubernetes เคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันและสำรองข้อมูลได้ง่ายเหมือนนับ 1-2-3 เมื่อใช้ K10 คู่กับ Tanzu Kubernetes ทำให้สามารถจัดการข้อมูลระดับ Application Container ได้ง่ายและรวดเร็ว
  4. Recover from Cloud – Veeam จดสิทธิบัตร “Instant Recovery” เพื่อการกู้คืนที่รวดเร็วปานสายฟ้าตามขนาดสำหรับ VMs, Applications, Servers และ NAS เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การกู้คืน

Veeam Kasten K10 รองรับอะไรได้บ้าง

K10 ออกแบบมาให้ผสานการทำงานร่วมกับ Kubernetes เป็นหลัก ไม่ว่าจะใช้ Distributions ตัวไหน K10 ก็สามารถรองรับได้ เช่น VMware Tanzu เป็นต้น มีความยืดหยุ่นสูง และมีความปลอดภัยในระดับผู้ดูแลระบบขององค์กรทั้งการสำรองและกู้คืนข้อมูลในส่วนของแอปพลิเคชัน

Audit Reporting – โจทย์ที่สำคัญของการทำระบบ Backup Data คือเรื่อง Audit Reporting เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ และจัดการด้วยเครื่องมือที่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ ทำให้สามารถทราบได้ว่ามีอะไรเสี่ยงบ้าง หรือรู้ความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดเหตุ ซึ่งภารกิจนี้เป็นหน้าที่หลักของ Veeam ด้วยการนำเสนอเครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำเรื่อง Monitoring และ Reporting Veeam ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้าน Infrastructure ของ Virtualization สำหรับตรวจสอบดูความเคลื่อนไหวบนระบบนิเวศ เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงแบบทันท่วงที และสามารถจัดทำ Reporting ที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังสามารถทำการ Backup ได้ด้วย เพราะฉะนั้น คุณสมบัติเหล่านี้ของ Veeam จึงสามารถการันตีมาตรฐานการปกป้องข้อมูลให้กับกระบวนการ Audit ในระดับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยอำนวยความสะดวกในส่วนงาน Operation ปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น

ภารกิจต่อมาของ Veeam คือ ระบบ Protection ที่สามารถตอบโจทย์ศูนย์ข้อมูลได้มากกว่า 1 แห่ง นั่นหมายความว่าโซลูชันของ Veeam สามารถรองรับการทำงานในเรื่องของ DR ได้ด้วย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องมือที่สามารถทำการโอนย้ายระบบไปรันในอีกศูนย์ข้อมูลได้ทันที ถ้าเกิดเหตุการณ์เสี่ยงต่อข้อมูลขึ้น โดยการจัดการเพียงแค่คลิ๊กเดียว จากการทำ Planning ไว้ล่วงหน้า ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ คือ

  • Recovery Time ได้ 
  • SLA ควบคลุมได้     
  • Human Error ไม่มี

เรื่อง Security 

Veeam มีโซลูชันที่เข้ามาป้องกันพวก Ransomware ได้ด้วยเช่นกัน จึงสามารถทำเป็น Single Platform ในการทำเรื่อง Data Protection ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Blendata B-Log Solutions บน AIS Cloud X

Blendata B-Log เป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง Security ซึ่ง AIS ให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือประเด็นในเรื่องของข้อมูล Log ควรต้องเป็นประโยชน์ใช้สืบค้นหลักฐานได้จริงเมื่อเกิดเหตุ โดยกลไกภายใต้บริการนี้ก็คือโซลูชันจาก Blendata ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูล Log ได้อย่างรวดเร็ว ตรงตามความต้องการ ลืมไปได้เลยกับประสบการณ์แย่ๆที่การค้นหาข้อมูลช้าเสียจนท่านต้องล้มเลิกความตั้งใจ

AIS Business-Log Management ยังมีข้อดีอีกมากมายดังนี้

  • การให้บริการเป็นรูปแบบจ่ายตามจริง ตามขนาดพื้นที่จัดเก็บ หรือปริมาณนำเข้าข้อมูล
  • ค่าบริการสามารถจ่ายได้แบบรายเดือน นั่นหมายความว่าท่านสามารถทดลองใช้หรือวางแผนค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่าการลงทุนของตัวเอง ซึ่งมีราคาสูงทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางเข้าถึงยาก
  • Log สามารถขยายตัวได้ง่ายเพราะโครงสร้างพื้นฐานอยู่บน AIS Cloud ดังนั้นจึงได้ข้อดีของคลาวด์มาเต็มๆ
  • รองรับข้อมูล Log ที่เก็บจากทุกอุปกรณ์
  • คอมไพล์กับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ซึ่งได้กำหนดให้ข้อมูล Log ที่เก็บต้องมีความน่าเชื่อถือ ป้องกันการถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงแม้แต่ผู้ดูแลระบบ ยกเว้นแค่ผู้เกี่ยวข้องเช่น เจ้าหน้าที่หรือผู้ตรวจสอบระบบสารสนเทศขององค์กร รวมถึงต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการบริการจัดการ เทคนิคและ กายภาพ 
  • รวมศูนย์การบริหารจัดการโดยท่านสามารถเข้าถึงข้อมูล Log ของท่านได้ผ่าน Self Service Portal เพื่อดูสรุปข้อมูลจาก Dashboard ถึงภาพรวมและสถานะของ Log รวมถึงค้นหาข้อมูลและนำข้อมูลออกในรูปแบบ CSV พร้อมทั้งสร้างรายงานสำหรับผู้บริหาร

AIS Business Contact Center ยังช่วยให้ท่านสามารถอุ่นใจพร้อมรับเรื่องตลอดแบบ 24×7 เพื่อคำปรึกษากรณีความกังวลใจหรือจากปัญหาต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้นทีมงานของ AIS ยังติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นแบบ Proactive หากพบปัญหาที่เกี่ยวกับ Log ของท่านเช่น ไม่มีข้อมูลส่งเข้ามาในระบบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุแต่หากไม่ได้ติดตามหลายท่านก็อาจพลาดไปได้

บทสรุป 

AIS Cloud X เป็นสูตรสำเร็จที่ลงตัวและครบเครื่องด้านการให้บริการระบบคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูง ด้วยการผสานรวมพลังขีดความสามารถที่โดดเด่นเฉพาะตัวจากเหล่าพันธมิตรระดับ Global ทั้งหลายอย่าง VMware Tanzu, MS Azure Arc, Veeam Data Protection และ Blendata B-Log เพื่อขับเคลื่อนบริการที่มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือระดับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงของผู้ใช้บริการได้รวดเร็วขึ้น มีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น และช่วยให้มีการลงทุนอย่างคุ้มค่าได้มากที่สุด 

นอกจากนี้ เมื่อ AIS Cloud X ผนึกกำลังกับการเชื่อมต่อด้วยเครือข่าย 5G ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในสายเลือดเดียวกัน จึงทำให้การทำงานไร้ซึ่งรอยต่อ ตอบโจทย์ความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจและยกระดับไปสู่ยุค Digital Transformation ได้อย่างยั่งยืน  

วันที่เผยแพร่ 28 พฤศจิกายน 2565

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : business@ais.co.th
Website : https://www.ais.th/business